วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การสร้าง Web Site จัดการฐานข้อมูล MySQL & PostgreSQL บนลินุกซ์ทะเล 5.0 โดยใช้ Dreamweaver MX


การสร้าง Web Site จัดการฐานข้อมูล MySQL & PostgreSQL บนลินุกซ์ทะเล 5.0
โดยใช้ Dreamweaver MX
            การสร้างเว็บเพ็จจัดการฐานข้อมูล MySQL & PostgreSQL จะใช้ภาษา HTML และ PHP โดยใช้ Text Edit เช่น Notepad, Editplus, Ultraedit ฯ ผู้สร้างเว็บเพ็จจะต้องมีความรู้ในภาษา HTML และ PHP เป็นอย่างดี และต้องใช้เวลามากถึงจะได้เว็บเพ็จมา 1 หน้า
                ปัจจุบันมีเครื่องมือที่ช่วยในการสร้างเว็บเพ็จจัดการฐานข้อมูล MySQL & PostgreSQL ที่ใช้ภาษา HTML และ PHP คือโปรแกรม Dreamweaver MX ผู้สร้างเว็บเพ็จจะต้องมีความรู้ในภาษา HTML และ PHP บ้างเล็กน้อย และใช้เวลาไม่มากก็ได้เว็บเพ็จมา 1 หน้า แต่ผู้สร้างเว็บเพ็จต้องใช้โปรแกรม Dreamweaver MX ได้เป็นอย่างดี
                โปรแกรม Dreamweaver MX ทำงานภายใต้ Windows ยังไม่สามารถทำงานภายใต้ Linux ในเอกสารเล่มนี้จะอ้างอิงถึงการใช้ โปรแกรม Dreamweaver MX ทำงานภายใต้ Windows XP
            ถ้าต้องการทดสอบเว็บเพ็จที่ได้จากโปรแกรม Dreamweaver MX นอกจากจะต้องมี Windows XP จำเป็นต้องมีโปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็น Web Server คือ Apache และโปรแกรม PHP ใช้ในการจัดการฐานข้อมูล ส่วนโปรแกรมฐานข้อมูล MySQL & PostgreSQL จะใช้ที่ทำงานภายใต้ Windows ก็ได้ แต่เอกสารเล่มนี้จะอ้างอิงถึงการใช้โปรแกรมฐานข้อมูล MySQL & PostgreSQL ที่ทำงานภายใต้ ลินุกซ์ทะเล 5.0 (Linux TLE 5.0)
            ข้อมูลที่ใช้ในการทดสอบเว็บเพ็จ ให้สร้างฐานข้อมูลชื่อ his และตารางชื่อ patient โดยมีคอลัมน์ ดังนี้
Columns/Fields
Data Type
คำอธิบาย
hn (Primary Key)
varchar(10)
HN มีได้ไม่เกิน 10 ตัวอักษร
p_name
varchar(20)
คำนำหน้าชื่อ มีได้ไม่เกิน 20 ตัวอักษร
f_name
varchar(50)
ชื่อ มีได้ไม่เกิน 50 ตัวอักษร
l_name
varchar(50)
นามสกุล มีได้ไม่เกิน 50 ตัวอักษร
birthday
date
วันเกิด ตามแบบ   ปปปป ค.ศ./ดด/วว
age
tinyint
อายุ
sex
tinyint
เพศ 1=ชาย 2=หญิง
status
tinyint
สถานะสมรส 1=โสด 2=แต่งงาน
           

 หมายเหตุ
1.      ถ้าเป็น PostgreSQL ให้เปลี่ยน Data Type จาก tinyint เป็น smallint
2.      ควรมีข้อมูลอย่างน้อย 6 รายการ
3.      รายละเอียดการสร้างฐานข้อมูลและตาราง ให้ไปดูเอกสาร การใช้ลินุกซ์ทะเล 5.0 ทำหน้าที่เป็น
Web Server, SQL Database Server, FTP Server

เอกสารเล่มนี้จะมีเนื้อหาแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 การติดตั้งโปแกรมบน Windows XP
1.      การติดตั้ง Apache 2.0.40 บน Windows XP
2.      การติดตั้ง PHP 4.2.2 บน Windows XP
3.      การติดตั้ง Dreamweaver MX บน Windows XP
              หมายเหตุ Apache ใช้เวอร์ชัน 2.0.40 และ PHP ใช้เวอร์ชัน 4.2.2 เพราะต้องการให้เวอร์ชันตรงกับเวอร์ชันของ Apache และ PHP ที่อยู่บนลินุกซ์ทะเล เพื่อให้เว็บเพ็จที่พัฒนาเสร็จแล้วเมื่ออัปโหลดไปยังลินุกซ์ทะเล สามารถใช้งานจริงไม่ต้องแก้ไขอีก

ส่วนที่ 2 การสร้างเว็บเพ็จและการนำเว็บเพ็จไปใช้งานบนลินุกซ์ทะเล
บทที่ 1   ความรู้พื้นฐานของ Dreamweaver MX และ HTML
            ประกอบด้วยความรู้พื้นฐานในการใช้งาน Dreamweaver MX และภาษา HTML
บทที่ 2   การสร้างฟอร์ม HTML และ PHP
            การสร้างเว็บเพ็จประกอบด้วยฟอร์ม HTML ทำหน้าที่รับข้อมูลจากผู้ใช้ และภาษา PHP
ทำหน้าที่จัดการฐานข้อมูล
บทที่ 3   การสร้างระบบแสดงข้อมูล
                การสร้างเว็บเพ็จแสดงข้อมูลจากตารางของฐานข้อมูล
บทที่ 4   การสร้างระบบแทรกข้อมูล
            การสร้างเว็บเพ็จแทรกข้อมูลลงตารางของฐานข้อมูล
บทที่ 5   การสร้างระบบค้นหาและแสดงข้อมูล
                การสร้างเว็บเพ็จค้นหาและแสดงข้อมูลจากตารางของฐานข้อมูล
บทที่ 6 การสร้างระบบแก้ไขข้อมูล
                        การสร้างเว็บเพ็จแสดงข้อมูลจากตารางและแก้ไขข้อมูลลงตารางของฐานข้อมูล
บทที่ 7   การสร้างระบบลบข้อมูล
                การสร้างเว็บเพ็จแสดงข้อมูลจากตารางและลบข้อมูลออกจากตารางของฐานข้อมูล
บทที่ 8   การสร้างระบบล็อกอินและระบบป้องกันการใช้เว็บเพ็จ
                การสร้างเว็บเพ็จล็อกอิน ด้วย Username และ Password ที่มีสิทธิในการใช้เว็บเพ็จ
และการป้องกันการใช้เว็บเพ็จโดยกำหนดสิทธิให้กับผู้ใช้หรือกลุ่มผู้ใช้
บทที่ 9   การ Upload เว็บเพ็จ ไปยังลินุกซ์ทะเล 5.0
                การ Upload เว็บเพ็จที่สร้างเสร็จแล้ว ไปเก็บไว้ในลินุกซ์ทะเล เพื่อใช้งานจริง

หุ่นยนต์เล่นปิงปองจากเวียดนาม


หุ่นยนต์เล่นปิงปองจากเวียดนาม  TOPIO หุ่นยนต์เล่นปิงปองที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยกลุ่มวิศวกรของบริษัท TOSY ที่กรุง HANOI ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในงาน “International Robot Exhibition 2007” ซึ่งเป็นงานนิทรรศการหุ่นยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2550 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น  TOPIO ย่อมาจาก “Tosy Pingpong Playing Robot” เป็นหุ่นยนต์ที่มีหัว แขนสองข้าง และมีขาหกขาช่วยให้หุ่นยนต์สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว “หุ่นยนต์นักกีฬา” ตัวนี้ทำจากคาร์บอนผสมที่มีความทนทานสูงและเบา ซึ่งช่วยให้หุ่นยนต์สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว  TOPIO มีกล้องจับความเร็วสูงสี่ตัวและติดตั้งคอมพิวเตอร์สองเครื่องสามารถรับรู้ทิศทางและความหมุนเร็วของลูกปิงปองหลังจากลูกปิงปองถูกตีออกจากไม้ตีของคู่ต่อสู้ และตีโต้กลับได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง  นอกจากนี้ทีมวิศวกรยังได้ติดตั้งโปรแกรม Module เทคโนโลยีชั้นสูงที่ทันสมัย ทำให้หุ่นยนต์ TOPIO สามารถยกระดับทักษะของตัวเองในแต่ละเกมการแข่งขัน ซึ่งนี่คือเหตุผลที่กลุ่มวิศวกรเชื่อว่า “การสร้างหุ่นยนต์ที่สามารถเอาชนะนักกีฬามืออาชีพ”เป็นเรื่องที่เป็นไปได้  นอกจากนั้น TOPIO ยังสามารถเสิร์ฟบอลได้เอง คำนวณ ประกาศคะแนน และแสดงความรู้สึกออกมาแบบตลก ๆ หลังจากการชนะหรือแพ้คู่แข่งขัน  วิศวกร Ho Vinh Hoang หัวหน้าโครงการ TOPIO เปิดเผยว่า “หุ่นยนต์ TOPIO ใช้เวลาในการพัฒนา 2 ปี ซึ่งตัวที่นำออกสู่สายตาสาธารณชนในครั้งนี้เป็นตัวจำลองเริ่มแรกเพื่อทดลองความคล่องตัวความถูกต้องแม่นยำ และความฉลาดในการควบคุมลูกปิงปองที่มีความเร็วสูงเพื่อเป็นพื้นฐานให้กับตัวจำลองต่อไป โดยหุ่นยนต์ TOPIO ตัวต่อไปจะได้พัฒนาให้มีขาสองข้างเคลื่อนไหวเหมือนคน โดยพวกเราไม่เพียงคาดหวังว่าหุ่นยนต์ TOPIO จะเล่นปิงปองชนะคนเท่านั้น แต่ยังจะสามารถเล่นกีฬาชนิดต่างๆ อย่างเช่น วิ่ง เล่นฟุตบอล มวย รำดาบ ปีนต้นไม้ ฯลฯ ได้อีกด้วย และสามารถประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวันได้ต่อไป”  นิทรรศการ “International Robot Exhibition 2007” จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2550 ซึ่งถือเป็นสถานที่ที่หุ่นยนต์ TOPIO ปรากฏตัวเป็นครั้งแรก โดยหุ่นยนต์ตัวนี้ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในประเทศเวียดนามมากนัก  นับตั้งแต่วันเปิดงานหุ่นยนต์จากเวียดนามตัวนี้ได้สร้างความแปลกใจให้แก่ผู้ชมที่มาจาก 100 ประเทศทั่วโลก และได้รับคำเชิญชวนให้มาร่วมงานนิทรรศการสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูงที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและเยอรมันนีต่อไป และอาจจะกลับมาแสดงที่ประเทศญี่ปุ่นอีกครั้งในปีหน้า  โดยงานต่อไปที่ TOPIO จะไปแสดง คือ งาน Spielwarenmese toy Fair ที่เมือง Nurembug ประเทศเยอรมันนี ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2551 

วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การพัฒนาแอปพลิเคชั่นบน Android

หลังจากที่เราได้ลองติดตั้งและทดสอบ Emulator ของEclipse  Android SDK กันแล้ว
มาคราวนี้เราจะลอง App ง่ายๆ บน Android กัน ด้วยโปรแกรมพื้นฐานสำหรับทุกการเขียนโปรแกรมอย่าง Hello World
http://img.spacethai.net/images/helloandro.png
เริ่มต้นด้วยการสร้างโปรเจค Android ใน Eclipse
1. เปิดโปรแกรม Eclipse ขึ้นมา จากนั้นเลือกที่ File > New > Project
ในหน้าต่าง New Project ภายใต้ Android เลือก Andrild project ดังรูป หลังจากนั้นให้กด Next
http://img.spacethai.net/images/helloakqk.png
2. เมื่อเสร็จจากขั้นตอนแรกแล้วจะได้ดังรูปนี้ โดยกรอกข้อมูลต่อไปนี้
- Project Name: HelloWorld
- Build Target : Android 2.2
- Application Name: HelloWorld
- Package Name: com.example.hello
- Create Activity: HelloWorld
- Min SDK Version: 8
จากนั้นคลิกที่ Finish
http://img.spacethai.net/images/helloavov.png
นี่คือคำอธิบายของแต่ละฟิลด์:
- Project Name : นี้คือชื่อโปรเจกของ Eclipse – ชื่อของไดเรกทอรีที่จะมีไฟล์โปรเจกอยู่
- Build Target : ได้เลือกใช้ Android 2.2 platform ซึ่งหมายความว่าแอปพลิเคชันของคุณจะถูก compiled กับ Android 2.2 platform library
- Application Name : นี้เป็นชื่อสำหรับแอปพลิเคชันของคุณ – ชื่อที่จะปรากฏในอุปกรณ์ Android
- Package name : นี้คือ namespace แพคเกจ (ตามกฎเดียวกันกับสำหรับแพคเกจในภาษา Java) ถ้าจะเปรียบเทียบให้ง่ายๆก็เหมือนเป็นโฟลเดอร์ที่ทำหน้าที่จัดเก็บ Class ต่างๆ ไว้ให้เป็นหมวดหมู่
- Create Activity : นี้คือชื่อสำหรับ class stub ที่จะสร้างโดยปลั๊กอินนี้ ซึ่งจะเป็น subclass ของ Android’s Activity class
- Min SDK Version : ค่านี้ระบุ API ระดับต่ำสุดที่จำเป็นสำหรับแอปพลิเคชันของคุณ
3. ตอนนี้โปรเจก Android ของคุณพร้อมแล้ว คุณจะมองเห็นใน Package Explorer อยู่ด้านซ้าย คลิกเปิดไฟล์ HelloWorld.java (HelloAndroid > src > com.example.helloworld) ซึ่งควรมีลักษณะเช่นนี้:
package com.example.helloworld;

import android.app.Activity;
import android.os.Bundle;

public class HelloAndroid extends Activity {
    /** Called when the activity is first created. */
    @Override
    public void onCreate(Bundle savedInstanceState) {
        super.onCreate(savedInstanceState);
        setContentView(R.layout.main);
    }
}
 

ประวัติ ความเป็นมา โครงสร้าง android

    ความหมายของ Android
แอนดรอยด์ (อังกฤษ: android
) คือ หุ่นยนต์ที่สร้างขึ้นมาเลียนแบบมนุษย์ โดยปกติแล้วทั้งทางด้านกายภาพและพฤติกรรม คำนี้ผันมาจากคำกรีก andr- หมายถึง "มนุษย์, เพศชาย" และปัจจัยเสริมท้าย -eides ซึ่งเคยมีความหมายว่า "ในสปีชีส์ของ, เหมือนกับ" (จากคำว่า eidos หมายถึง "สปีชีส์")

คำว่า "ดรอยด์" ซึ่งหมายถึงหุ่นยนต์ในเรื่อง สตาร์ วอร์ส ก็ผันมาจากความหมายนี้. จนถึงขณะนี้ แอนดรอยด์ยังคงมีอยู่แต่ในนิยายวิทยาศาสตร์ บ่อยครั้งในภาพยนตร์และโทรทัศน์. อย่างไรก็ตาม หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ก็มีขึ้นบ้างแล้วในขณะนี้.

พจนานุกรมภาษา อังกฤษ Webster ฉบับปี 1913 ระบุว่า "Android" เป็นได้ทั้งคำนามและคำวิเศษณ์ โดยถ้าเป็นคำนาม หมายถึง "เครื่องจักรหรือเครื่องอัตโนมัติในรูปของมนุษย์" และถ้าเป็นคำวิเศษณ์ หมายถึง "คล้ายมนุษย์"
  โครงสร้างของโปรแกรมประยุกต์ Android จะถูกกำหนดเป็นดังนี้

The file AndroidManifest.xml ไฟล์ที่ AndroidManifest.xml
This defines the components of the application and their relationships. นี้กำหนดองค์ประกอบของโปรแกรมประยุกต์และความสัมพันธ์ของพวกเขา It gives the permissions to application as to what it can do with users. มันจะให้สิทธิ์ในการประยุกต์ใช้เป็นสิ่งที่มันสามารถทำอะไรกับผู้ใช้ It can also give permission to components of the application. นอกจากนี้ยังสามารถให้สิทธิ์กับส่วนประกอบของโปรแกรม

The views (Class android.view.View) มุมมอง (Class android.view.View)
The interface of a program for Android is a tree of views. อินเตอร์เฟซของโปรแกรมสำหรับ Android เป็นต้นไม้ของมุมมอง


Activity (android.app.Activity class) กิจกรรม (ระดับ android.app.Activity)
This is something that the user can do, translated into program. นี่คือสิ่งที่ผู้ใช้สามารถทำการแปลลงในโปรแกรม It corresponds to a screen, but can have multiple views. มันสอดคล้องกับหน้าจอ แต่สามารถมีหลายมุมมอง

Intent (android.content.Intent class) เจตจำนง (ระดับ android.content.Intent)

Describes an action which must be performed. อธิบายถึงการกระทำที่จะต้องทำ

Service (android.app.Service ) เซอร์วิส (android.app.Service)
Program that operates in background. โปรแกรมที่ทำงานในพื้นหลัง

Content Provider (android.content.ContentProvider class) ผู้ให้บริการเนื้อหา (android.content.ContentProvider ชั้น)

Encapsulates data and provides them commonly to several programs. encapsulates ข้อมูลและให้พวกเขามักจะหลายโปรแกรม
Notification (android.app.NotificationManager and android.app.Notification classes) ประกาศ (android.app.NotificationManager และการเรียน android.app.Notification)
Class which informs the user about what is happening. ชั้นเรียนซึ่งแจ้งผู้ใช้เก​​ี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น

Besides components, there are also resources that can be XML files, image files as jpeg, etc. These use the android.content.Resources interface and are stored in the res directory. นอกจากองค์ประกอบนอกจากนี้ยังมีทรัพยากรที่สามารถไฟล์ XML, ไฟล์ภาพเป็น jpeg, ฯลฯ ใช้อินเตอร์เฟซ android.content.Resources เหล่านี้และจะถูกเก็บไว้ในไดเรกทอรี res

 





วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ที่มาของชื่อ Windows 7

Windows 7 (โค้ดเนม Blackcomb และ Vienna) นั้นเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเดสก์ท็อปตัวใหม่ของไมโครซอฟท์ อาจมีหลายคนที่สงสัยว่าเลข 7 นั้น หมายถึงอะไรหรือมาจากอะไร ซึ่งจากข้อมูลในบล็อกของทีมพัฒนาของไมโครซอฟท์นั้น ตัวเลข 7 นั้นเป็นการนับเวอร์ชันต่อเนื่องจากเวอร์ชันก่อนๆ หน้า

หากมองย้อน กลับไปยังจุดเริ่มต้นของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ คิดว่าวินโดวส์เวอร์ชันที่หลายคงรู้จักเป็นเวอร์ชันแรกน่าจะเป็น Windows 3.0 แต่จริงๆ แล้ว ระบบปฏิบัติการวินโดวส์เวอร์ชันแรกของไมโครซอฟท์คือ 1.0 จากนั้นก็มีการพัฒนาเป็นเวอร์ชัน 2.0 แล้วจึงมาได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในวินโดวส์ เวอร์ชัน 3.0 หลังจากนั้นไมโครซอฟท์ได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อเวอร์ชันแทนการใช้เวอร์ชันแบบตัว เลข คือ Windows NT ซึ่งนับเป็นเวอร์ชัน 3.1 จากนั้นเป็น Windows 95 ซึ่งนับเป็นเวอร์ชัน 4.0 ต่อจากนั้นเป็น Windows 98 และ Windows Millennium Edition ซึ่งยังถือเป็นเวอร์ชัน 4 อยู่ โดย Windows 98 นับเป็นเวอร์ชัน 4.0.1998, Windows 98 SE นับเป็นเวอร์ชัน 4.10.2222 และ Windows Millennium Edition นับเป็นเวอร์ชัน 4.90.3000 (สรุปได้ว่าไมโครซอฟท์นับ Windows 9x เป็นเวอร์ชัน 4.0)ต่อจาก Windows 9x จะเป็น Windows 2000 ซึ่งนับเป็นเวอร์ชัน 5.0 เวอร์ชันถัดมาคือ Windows XP ซึ่งนับเป็นเวอร์ชัน 5.1 และล่าสุดคือ Windows Vista ซึ่งจะนับเป็นเวอร์ชัน 6.0

ดังนั้น เมื่อไมโครซอฟท์วางแผนในการพัฒระบบปฏิบัติการสำหรับเดสก์ท็อปตัวใหม่ต่อจาก Windows Vista จึงตั้งชื่อเป็น Windows 7

อย่าง ไรก็ตาม จากข้อมูลในบล็อกของทีมพัฒนา ถึงแม้ว่าจะใช้ชื่อ Windows 7 แต่หมายเลขเวอร์ชันจริงๆ ของระบบปฏิบัติการวินโดวส์สำหรับเดสก์ท็อปตัวใหม่ของไมโครซอฟท์นี้จะเป็น เวอร์ชัน 6.1 ทั้งนี้ การที่ไมโครซอฟท์ไม่กำหนดเป็นเวอร์ชัน 7.0 เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดความสับสนในด้าน application compatibility ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกันกับการกำหนดหมายเลขเวอร์ชันของ Windows XP เป็นเวอร์ชัน 5.1 แทนที่จะเป็น 6.0