- 2011ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม& อุ่นรุ่งทรัพย์คอมพิวเตอร์ ซีสเท็มส์[เอกสารประกอบการอบรม MICROSOFT OFFICE 2010]เรียนรู้ลักษณะทั่วไป Microsoft Word, Microsoft Excel, Microsoft PowerPoint และการใช้งานทั่วไปเพิ่มเติม
- 1 Microsoft Office 2010ลักษณะทั่วไป Microsoft ยังคงใช้ชื่อเรียกโปรแกรมย่อยๆ ในชุด Microsoft Office นี้เหมือนเดิมหมายถึงโปรแกรมแต่ละตัวยังคงความสามารถหลักเดิมไว้ มีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนได้แก่ หน้าตา สีสัน จากชุด Microsoft Office2003 อยู่มากแต่ใกล้เคียงกับ Microsoft Office 2007 รูปแสดง ตัวอย่างหน้าตา Microsoft Word 2010 หนึ่งใน Microsoft Office 2010แถบริบบอน แถบคาสั่งที่ปรากฏอยู่ด้านบนของโปรแกรม เป็นตัวเก็บคาสั่งเพื่อใช้ในการเลือกคาสั่งในการทางานตามความต้องการของผู้ใช้คล้ายทูลบาร์เดิมที่พบอยู่ในโปรแกรมที่รันบน Microsoft Windows รุ่นก่อนๆ ลักษณะหน้าตาเป็นแท็บเลือกเพื่อเลือกหัวข้อที่แบ่งหมวดหมู่ไว้แล้ว เมื่อเลือกจะแสดงไอคอนของคาสั่งให้ผู้ใช้เลือกใช้งาน
- 2การใช้งานริบบอนซ่อน/แสดง ทาได้โดยดับเบิ้ลคลิกที่หัวข้อของริบบอนการเรียกซ๊อตคัท กดคีย์บอร์ดปุ่ม Alt ค้างไว้ (กดอีกครั้งเพื่อยกเลิก) หน้าตาของริบบอน Microsoft Word เมื่อเลือกแถบ “แทรก” หน้าตาของริบบอนเมื่อกดปุ่ม Alt เรียกซ๊อตคัทคาสั่ง
- 3 Microsoft Word 2010การตั้งค่าไม้บรรทัด การซ่อนแสดงไม้บรรทัด 1. ที่ด้านบนของ Scrollbar แนวตั้งทางขวามือของ Word 2. จะพบสัญลักษณ์ของไม้บรรทัด 3. คลิกเพื่อซ่อน/แสดงไม่บรรทัด
- 4ตั้งค่าหน่วยวัด1. คลิกเลือกแถบ “แฟ้ม” ที่ริบบอน2. เลือกคาสั่ง “ตัวเลือก”3. จะได้กรอบโต้กรอบ ตัวเลือกของ Word ให้เลือก “ขั้นสูง” จากรายการทางด้านซ้าย4. เลื่อนหาหัวข้อ “แสดงการวัดในหน่วยของ”5. เปลี่ยนหน่วยวัดเป็นแบบที่ต้องการ6. คลิกเลือกที่ปุ่ม “ตกลง”
- 5การปรับแต่งเอกสารโดยลักษณะที่เตรียมไว้แล้ว การใช้งานลักษณะ การตกแต่งข้อความการทางานปกติเราสามารถใช้เครื่องมือจากริบบอนแถบ “หน้าแรก” เพื่อตกแต่งข้อความให้เป็นไปตามต้องการได้โดยจะมีปุ่มให้เลือกจัดรูปแบบแยกเป็นเรื่องๆ ไป เช่น Font, Font Size, สีตัวอักษรจะแยกออกเป็นปุ่มๆ ไป เราสามารถใช้ลักษณะเพื่อเปลี่ยนหรือจัดรูปแบบได้ครั้งละหลายเรื่องๆ เช่นเปลี่ยน Font, Font Size, ย่อหน้า ในปุ่มเดียวได้โดยใช้ลักษณะที่เตรียมไว้แล้ว การใช้งาน 1. ที่ริบบอนแถบ “หน้าแรก” 2. คลิกที่ปุ่มลักษณะที่ต้องการ การปรับแต่งลักษณะ 1. คลิกเพื่อแสดงหน้าต่างลักษณะ 2. จะได้หน้าต่างลักษณะ คลิกเลือกที่ ปุ่มจัดการลักษณะ (ล่างสุด) 3. จะได้หน้าต่าง “การจัดการลักษณะ” สามารถเลือกรูปแบบที่ต้องการปรับเปลี่ยน แล้วคลิกที่ปุ่มปรับเปลี่ยน
- 6 แสดงหน้าต่างการจัดการลักษณะการทาจดหมายเวียน (Mail Merge) จดหมายเวียนคือ เอกสารที่มีเนื้อหาโดยส่วนใหญ่เหมือนกันแทบทั้งหมด มีบางจุดที่เปลี่ยนไปบ้างขึ้นอยู่กับผู้รับเอกสารที่ผู้สร้างจะส่งไป ตัวอย่างเช่น หนังสือเชิญหน่วยงานเข้าประชุมเพื่อรับฟังคาชี้แจงให้กับหน่วยงานต่างๆ เนื้อหาในหนังสือจะมีเนื้อหาที่เหมือนกันคือ แจ้งเรื่องประชุม สถานที่ เวลา และอื่นๆ ส่วนที่ต่างกันไปบางส่วนได้แก่ ชื่อหน่วยงานหรือชื่อผู้ถูกเชิญ เอกสารลักษณะนี้สามารถนาความสามารถเรื่องจดหมายเวียนมาใช้ประโยชน์ได้ การสร้างจดหมายเวียนต้องอาศัย 3 อย่างได้แก่ 1. เนื้อหาหลักของหนังสือ/จดหมาย 1 ไฟล์ 2. ข้อมูลที่จะดึงมาใส่ในจดหมายหลัก (ส่วนที่ต่างกันในหนังสือหรือจดหมาย) 1 ไฟล์ 3. ชุดคาสั่งที่จะใช้สร้างจดหมายเวียน
- 7ขั้นตอนการสร้างจดหมายเวียน1. พิมพ์หรือเตรียมเนื้อหาหลักของจดหมายไว้และบันทึกให้เรียบร้อย2. ไฟล์ข้อมูล พิมพ์และเตรียมข้อมูลในรูปของตาราง ไฟล์หลักของจดหมายเวียนเตรียมและเว้นเนื้อหาที่เปลียนแปลงว่างไว้ ่ จัดเก็บและตั้งชื่อไว้ ตัวอย่างตั้งชื่อว่า “จดหมาย” ไฟล์ข้อมูลอยู่ในรูปของตารางบันทึกตั้งชื่อไว้ให้เรียบร้อย จากตัวอย่างชื่อ “ข้อมูล”
- 8 คาสั่งที่ใช้ในการสร้างจดหมายเวียนการเรียกใช้คาสั่งเพื่อรวมจดหมายหลักและข้อมูล1. เปิดจดหมายหรือเอกสารหลักเตรียมไว้ (ไม่ต้องเปิดไฟล์ข้อมูล)2. คลิกที่แถบ “การส่งจดหมาย” ที่ริบบอน3. คลิกที่ปุ่ม “เลือกผู้รับ” เลือกเมนูย่อย “ใช้รายชื่อที่มีอยู่...”4. จะได้กรอบโต้ตอบ ให้เลือกไฟล์ข้อมูลที่เตรียมไว้ (ไฟล์ตาราง) แล้วคลิกปุ่ม “เปิด”การใส่ขอมูลลงในจดหมายหรือเอกสารหลัก ้1. ที่ไฟล์จดหมายหรือเอกสารหลักจัด Cursor ให้อยู่ในตาแหน่งที่ต้องการใส่ข้อมูล2. ที่ริบบอนแถบ “การส่งจดหมาย” คลิกเลือก “แทรกเขตข้อมูลผสาน”3. เลือกฟิลด์ข้อมูลที่ต้องการ
- 9 การผสานข้อมูลเพื่อใช้ 1. คลิกปุ่ม “เสร็จสิ้นและผสานเสร็จสิ้น” 2. ที่เมนูย่อยให้เลือกผลลัพธ์ที่ต้องการ 3. หรือสามารถดูผลลัพธ์ได้จากปุ่ม “แสดงตัวอย่างผลลัพธ์”การทาลายน้า “ลายน้า” คือลายจางๆ ที่อยู่บนพื้นหลังเอกสาร สาหรับแสดงให้เห็นหรือบอกให้ทราบถึงข้อมูลหรือลักษณะบางประการที่ผู้สร้างเอกสารต้องการให้ผู้อ่านเอกสารได้สังเกตเห็น ลายน้าไม่จาเป็นต้องเป็นข้อความแต่สามารถเป็นภาพจางๆ ได้เช่นกัน คาสั่งทาลายน้า 1. ที่แถบริบบอน “เค้าโครงหน้ากระดาษ” ใช้ปุ่มคาสั่ง “ลายน้า” 2. จะมีตัวอย่างที่แสดงข้อความ Confidential หรือ Do not Copy ให้เลือก 3. หากไม่ต้องการสามารถ “ลายน้าแบบกาหนดเอง...” 4. ถ้าต้องการลายน้าเป็นรูปให้เลือก “ลายน้ารูปภาพ” ตามด้วยปุ่ม “เลือกรูปภาพ” 5. ถ้าต้องการลายน้าเป็นข้อความให้เลือก “ลายน้าข้อความ” 6. เมื่อเลือกรูปหรือใส่ข้อความเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกเลือก “ตกลง”
- 10การแชร์และส่งเอกสารผ่านอินเทอร์เน็ต Microsoft Word 2010 สามารถเชื่อมโยงเอกสารกับอินเตอร์เน็ตได้โดยอัตโนมัติโดยใช้คาสั่ง Share(บันทึกและส่ง) คาสั่งแชร์เอกสาร 1. เลือกแถบคาสั่ง “แฟ้ม” แล้วใช้คาสั่ง “บันทึกและส่ง” 2. ที่คาสั่ง Share จะมีหลายคาสั่งเป็นทางเลือกสรุปได้ดังนี้ ส่งโดยใช้อีเมล์ สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นการส่งไฟล์แนบหรือส่งเป็น PDF แล้ว Word จะเปิด Outlook เพื่อใช้ในการส่ง E-mail บันทึกไปยังเว็บ เป็นการส่งเอกสารเพื่อฝากไว้ยังบริการ SkyDrive บน อินเทอร์เน็ต สาหรับสมาชิก Hotmail บันทึกไปยัง SharePoint สาหรับเครือข่ายหรือองค์กรที่มี Microsoft SharePoint เพื่อให้คนอื่นที่อยู่ในกลุ่ม SharePoint เดียวกันเปิดอ่าน ได้ทันที ประกาศเป็นการประกาศบล็อก เก็บเอกสารของเราในรูป Blog แล้วส่งขึ้นอินเทอร์เน็ต ทันที
- 11 Microsoft Excel 2010Microsoft Excel กับงานฐานข้อมูล Microsoft Excel จัดเป็นโปรแกรมประเภทกระดาษทด/กระดาษทาการ มีลักษณะเป็นตารางสาหรับป้อนข้อมูล ผู้ใช้มีอิสระในการเลื่อนไปยังเซลล์และทาการป้อนข้อมูล ลบ/ล้างข้อมูลได้ มีจุดเด่นในด้านการคานวณในงานประเภทฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ ฐานข้อมูลที่ง่ายและได้รับความนิยมถูกออกแบบเป็นลักษณะของตารางเช่นกัน ดังนั้นเราสามารถนา Microsoft Excel มาใช้เป็นฐานข้อมูลได้เช่นกัน โดยกาหนดรูปแบบการป้อนข้อมูลไว้ดังนี้ 1. แถวหรือบรรทัดบนสุดให้เป็นชื่อฟิลด์ หากมีหลายฟิลด์ให้ฟิลด์ถัดไปใช้คอลัมน์ถัดไปจาก A เป็น B, C,D เรื่อยๆ เป็นต้น 2. แต่ละแถวจะเป็นข้อมูลแต่ละรายการ (ระเบียนข้อมูล) ไล่ลงไปจากแถวที่ 2,3,4,5 เรื่อยๆ อย่าเว้นว่างแถวไว้มิฉะนั้นจะถือว่าหมดระเบียนไว้ที่แถวว่างเมื่อสั่งงานใดๆ Microsoft Excel จะไม่สนใจ ภาพตัวอย่างการป้อนข้อมูลสาหรับการทางานของ Microsoft Excel เป็นฐานข้อมูล
- 12การจัดเรียงลาดับข้อมูล ในงานฐานข้อมูลเราจัดเก็บข้อมูลไว้เพื่อการค้นหาและจะเป็นการง่ายหากข้อมูลจานวนมากถูกจัดเรียงไว้(นึกถึงข้อมูลมากๆ อย่างพจนานุกรม) หากเราป้อนข้อมูลของให้กับ Microsoft Excel เรียบร้อยตามข้อกาหนดเราสามารถจัดเรียงข้อมูลได้อย่างง่ายๆ ด้วยปุ่ม Sort ซึ่งมีอยู่ 2 แบบได้แก่ การจัดเรียงจากน้อยไปหามาก การจัดเรียงจากมากไปหาน้อย วิธีการจัดเรียงข้อมูล 1. ให้ Cell Active อยู่ในตารางข้อมูลที่พิมพ์ไว้ ในตาแหน่งฟิลด์ที่สนใจ 2. ที่ริบบอนคลิกที่แถบข้อมูล 3. คลิกเลือกคาสั่งในการจัดเรียง มากไปหาน้อย น้อยไปหามาก ตัวกรองอัตโนมัติ รูปแสดงปุ่มคาสั่งการจัดเรียงข้อมูลและการกรองข้อมูล
- 13การกรองข้อมูล การกรองข้อมูลคือการให้ Microsoft Excel เลือกแสดงข้อมูลเอาเฉพาะข้อมูลที่เราต้องการหรือสนใจสามารถทาได้ 2 แบบ ได้แก่แบบอัตโนมัติและขั้นสูง โดยแบบอัตโนมัติจะทาได้ง่ายกว่าและกาหนดเงื่อนไขได้น้อยกว่าการกรองขั้นสูง วิธีเรียกใช้การกรองข้อมูลแบบอัตโนมัติ 1. Cell Active จะต้องอยู่บริเวณตารางข้อมูล 2. ที่ริบบอน “ข้อมูล” คลิกเลือกไอคอนตัวกรอง (รูปกรวยใหญ่) 3. จะได้ปุ่มการกรองแสดงที่ฟิลด์หัวเรื่อง (บนสุด) 4. หากต้องการยกเลิกการกรองอัตโนมัติให้คลิกไอคอนตัวกรองซ้า วิธีกรองข้อมูลแบบอัตโนมัติ เมื่อเรียกใช้คาสั่งกรองแล้ว จะยังไม่มีการกรองข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้นจนกว่าเราจะเลือกข้อมูลที่สนใจเพื่อกรองวิธีการกรองสามารถทาได้ดังนี้ 1. คลิกที่ปุ่มสาหรับกรองที่ฟิลด์หัวเรื่อง 2. เลือกข้อมูลที่ต้องการกรอง ปุ่มสาหรับเลือกข้อมูลเพื่อกรอง
- 14การทาตารางสรุปข้อมูล ข้อมูลที่เราเก็บและมีอยู่ในกระดาษทาการของ Microsoft Excel นั้น เราสามารถนามาสรุปให้อยู่ในรูปแบบตารางแสดงผลที่สามารถอ่านค่าได้ง่ายขึ้นโดยทาการสร้างตารางสรุปข้อมูลที่เรียกว่า PovoTable แต่ต้องกาหนดความต้องการไว้ก่อนล่วงหน้าว่าตารางสรุปนั้นจะให้ออกมาในรูปแบบใด วิธีสร้างตารางสรุปข้อมูล 1. อยู่ในชีตที่มีข้อมูลที่ต้องการสรุปผล 2. ที่ริบบอน “แทรก” ให้เลือก “PivotTable” จะเข้าสู่กระบวนการสร้างตารางสรุป กาหนดแหล่งที่อยู่ข้องข้อมูล 3. คลิก “ตกลง” จะได้หน้าต่างรายการเขตข้อมูลฯ ตามรูป 4. ให้คลิกลากฟิลด์จากด้านบนไปยัง “ป้ายชื่อคอลัมน์” “ป้ายชื่อแถว” หรือ “ผล” ด้านล่าง
- 15 Microsoft PowerPoint 2010 โปรแกรม Microsoft PowerPoint เป็นโปรแกรมที่ออกแบบให้ใช้ในการนาเสนอผลงานในรูปแบบของSlide ผู้ใช้สามารถสร้างแก้ไขพิมพ์เอกสารสาหรับแจกประกอบการนาเสนอได้ ในเอกสารฉบับนี้จะเน้นในจุดหลักที่น่าสนใจสาหรับการสร้าง Slide ไม่แสดงในรายละเอียดทั้งหมด เพราะเครื่องมือหลายอย่างมีลักษณะใกล้เคียงกับโปรแกรมในชุด Microsoft Office ตัวอื่นๆการเพิ่ม/ลบ Slide การเพิ่ม Slide เราสามารถทาได้ง่ายๆ เพียงปุ่มเดียวแต่จะต้องเลือกจุดที่ต้องการแทรกเพิ่มก่อน ขั้นตอนการเพิ่มสามารถทาได้ ดังนี้ วิธีเพิ่ม Slide ใหม่ 1. เลือกตาแหน่งที่จะวาง Slide ใหม่ทางด้านซ้ายของหน้าต่างทางาน 2. ที่ริบบอบ “หน้าแรก” ให้คลิกเลือกปุ่มคาสั่ง “สร้างภาพนิ่ง” 3. เลือกเค้าร่างในแบบที่ต้องการ จะได้ Slide ใหม่ เป็นอันเรียบร้อย 2.คลิกแทรก Slide 1. เลือกตาแหน่งแทรก
- 16 วิธีลบ Slide ที่ไม่ต้องการ 1. คลิกเลือก Slide ที่ไม่ต้องการ 2. กด Delete 1.คลิกเลือก 2. กด Deleteการใช้ชุดรูปแบบ ในการจัดรูปแบบเราสามารถคลิกและเลือกจัดรูปแบบที่จะส่วนได้แต่หากต้องการจัดตามแบบที่กาหนดมาแล้วเราสามารกใช้ชุดรูปแบบทาได้ ดังนี้ วิธีใช้ชุดรูปแบบ 1. คลิกเลือกที่ริบบอน “ออกแบบ” 2. เลือกชุดรูปแบบที่ต้องการ
- 17 คาสั่งชุดรูปแบบMaster Slide ในการสร้าง Slide ด้วย PowerPoint จะมีรูปแบบโครงร่างให้เป็นในการทางานเป็นเบื้องต้น ซึ่งจะมีผลต่อทุก Slide ที่ใช้โครงร่างเดียวกัน ซึ่งจะเป็นการง่าย หากเราต้องการให้ Slide เรามีลักษณะใดที่เหมือนๆ กันสามารถเข้าไปจัดการได้ที่ Master Slide ดังนี้ วิธีใช้ Master Slide 1. คลิกเลือกที่ ริบบอน “มุมมอง” 2. คลิกเลือกปุ่ม “ต้นแบบภาพนิ่ง” 3. จะได้หน้าตาการทางานของ Master Slide สามารถเลือกตกแต่งจะมีผลต่อ Slide ในแบบเดียวกันทั้งหมดทันที 4. หากต้องการปิดรูปแบบให้เลือกริบบอน “ต้นแบบภาพนิ่ง” เลือก “ปิดมุมมองต้นแบบ”
- 18 คลิกเลือก Master Slide 1.เลือกต้นแบบ Slide ที่ต้องการ2.จัดรูปแบบและใส่สิ่งที่ต้องการ
- 19การบันทึกแบบฝังแบบตัวอักษร ในการนาเสนอมักพบปัญหาในการนา Slide ไปแสดงทีเครื่องอื่นๆ หากเราใช้ Font ที่ไม่มีโดยทัวไปใน ่ ่การจัดรูปแบบ เพือป้องกันปัญหาทีเกิดขึนนี้เราสามารถฝัง Font ลงไปใน Slide ได้ แต่จะทาให้ขนาดมีขนาดใหญ่ ่ ่ ้ขึนกว่าการบันทึกแบบปกติ ้ วิธีการบันทึกแบบฝังแบบอักษร 1. ทีรบบอน “แฟ้ม” เลือก “บันทึกเป็น” ่ิ 2. จะได้กรอบโต้ตอบ “บันทึกเป็น” เลือก “เครื่องมือ” ตามด้วย “ตัวเลือกการบันทึก” 3. เลือกที่ Check box ฝังแบบอักษรในแฟ้ม คลิก “ตกลง” 4. ทาการบันทึกตามปกติ
- 20การพิมพ์เอกสารประกอบการบรรยาย ในการบรรยายเราสามารถพิมพ์ Slide ทีสร้างนี้เพื่อแจกประกอบการบรรยายได้ ่ วิธีการสั่งพิมพ์ 1. ทีรบบอน “แฟ้ม” เลือกคาสั่ง “พิมพ์” ่ิ 2. กาหนดตัวเลือกที่ต้องการ 3. คลิกทีปุมพิมพ์
วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554
คู่มือการใช้งาน Microsoft Office 2010
วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554
วิธีใช้ photoshop รูปสีจืด…อยากได้เข้มๆ
หลังจากปรับความสว่างกันไปแป๊บๆ ก็มีปัญหารูปไม่สวยดั่งใจตามมาอีกหน
คราวนี้ถึงตารูปที่แสนจะสีจืด แทบแยกไม่ออกว่าอันไหนคนอันไหนดอกไม้ ต้นไม้ ท้องฟ้าที่ควรจะฟ๊า ฟ้า ก็ขมุกขมัว เราก็มีวิธีปรับความเข้มของรูปภาพ และการเน้นให้เข้มในส่วนต่างๆ มากฝากกันค่ะ
การปรับสีรูปในครั้งนี้ จะเป็นการปรับสีรูปทั้งรูป ข้อดีคือ เร็วกว่า (ปรับเฉพาะส่วน) แต่ข้อด้อยคือ บางส่วนที่แสงน้อยอยู่แล้วจะครึ้มลง ส่วนที่มืดก็จะยิ่งมืดไปกันใหญ่ (ข้อดี๊ดีมีมั้ยเนี่ย)
โดยวิธีปรับแสงให้ที่จ้าเกิ๊นให้มืดลงนิด และทำให้ส่วนที่เป็นสีเข้มขึ้น เราจะใช้เครื่องมือ 2 อย่าง ได้แก่
1. Image > Adjustments > Curves… (Ctrl + M)
2. Image > Adjustments > Brightness/Contrast
เอาล่ะ มาเริ่มที่เมนูแรก Curves… หรือ Ctrl + M นั่นเอง
1. เปิดรูปที่ต้องการตกแต่ง โดยเลือกที่ Flie > Open ไปไดรฟที่เก็บรูปไว้ จากนั้นก็คลิกที่รูปที่ต้องการ แล้วคลิก Open
2. ไปที่ Image > Adjustments > Curves… (Ctrl + M)
3. จะมีหน้าต่างปรับความสว่างแสดงขึ้นมา หากต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงขณะปรับรูป ให้ติ๊กที่ช่อง preview
4. เลื่อนเมาส์ให้อยู่ตรงกึ่งกลางเส้น จากนั้นคลิกเม้าส์ข้างแล้วเลื่อนเม้าส์ไปด้านเข้ม (ที่เป็นแถบด้านสีดำอ่ะ) เมื่อได้ดั่งใจแล้วก็คลิก OK
5. มาดูผลงานกัน …สว่างน้อยลงแล้วใช่ม้า…
อีกเมนูหนึ่ง Brightness/Contrast
1. เปิดรูปที่ต้องการตกแต่ง โดยเลือกที่ Flie > Open ไปไดรฟที่เก็บรูปไว้ จากนั้นก็คลิกที่รูปที่ต้องการ แล้วคลิก Open
2. ไปที่ Image > Adjustments > Brightness/contrast
3. จะมีหน้าต่างปรับความแตกต่างระหว่างความสว่างและความมืด (Brightness/Contrast) แสดงขึ้นมา หากต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงขณะปรับรูป ให้ติ๊กที่ช่อง preview
4. จากนั้น ไปที่ Contrast คลิกเม้าส์ที่ไอคอนข้างแล้วเลื่อนเม้าส์ไปด้านขวา (+) เมื่อได้ดั่งใจแล้วก็คลิก OK
5. มาดูผลงานกัน …เข้มขึ้นแล้วใช่ม้า…
จากนั้นก็ทดลองปรับความสว่างด้วย Curves ก่อน แล้วปรับสีให้เข้มขึ้นด้วย Contrast ผลก็ออกมาเป็นอย่างนี้
เพื่อน อาจสงสัยว่า แล้วทำไมไม่แนะนำให้ใช้ทั้ง Brightness แทน Curves เหตุผลก็เพราะ เวลาใช้ Brightness นั้น จะทำให้ภาพสว่างงง…จ้าขึ้นอย่างแรงง อารมณ์ที่เห็นออกจะขาวโพลนเกินไป ก็เลยแนะนำให้ใช้ Curves ที่ปรับรูปได้สว่าง…ไม่เว่อร์เกินไปนั่นเอง
Photoshop.kapook.com
คราวนี้ถึงตารูปที่แสนจะสีจืด แทบแยกไม่ออกว่าอันไหนคนอันไหนดอกไม้ ต้นไม้ ท้องฟ้าที่ควรจะฟ๊า ฟ้า ก็ขมุกขมัว เราก็มีวิธีปรับความเข้มของรูปภาพ และการเน้นให้เข้มในส่วนต่างๆ มากฝากกันค่ะ
การปรับสีรูปในครั้งนี้ จะเป็นการปรับสีรูปทั้งรูป ข้อดีคือ เร็วกว่า (ปรับเฉพาะส่วน) แต่ข้อด้อยคือ บางส่วนที่แสงน้อยอยู่แล้วจะครึ้มลง ส่วนที่มืดก็จะยิ่งมืดไปกันใหญ่ (ข้อดี๊ดีมีมั้ยเนี่ย)
โดยวิธีปรับแสงให้ที่จ้าเกิ๊นให้มืดลงนิด และทำให้ส่วนที่เป็นสีเข้มขึ้น เราจะใช้เครื่องมือ 2 อย่าง ได้แก่
1. Image > Adjustments > Curves… (Ctrl + M)
2. Image > Adjustments > Brightness/Contrast
เอาล่ะ มาเริ่มที่เมนูแรก Curves… หรือ Ctrl + M นั่นเอง
1. เปิดรูปที่ต้องการตกแต่ง โดยเลือกที่ Flie > Open ไปไดรฟที่เก็บรูปไว้ จากนั้นก็คลิกที่รูปที่ต้องการ แล้วคลิก Open
2. ไปที่ Image > Adjustments > Curves… (Ctrl + M)
3. จะมีหน้าต่างปรับความสว่างแสดงขึ้นมา หากต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงขณะปรับรูป ให้ติ๊กที่ช่อง preview
4. เลื่อนเมาส์ให้อยู่ตรงกึ่งกลางเส้น จากนั้นคลิกเม้าส์ข้างแล้วเลื่อนเม้าส์ไปด้านเข้ม (ที่เป็นแถบด้านสีดำอ่ะ) เมื่อได้ดั่งใจแล้วก็คลิก OK
5. มาดูผลงานกัน …สว่างน้อยลงแล้วใช่ม้า…
อีกเมนูหนึ่ง Brightness/Contrast
1. เปิดรูปที่ต้องการตกแต่ง โดยเลือกที่ Flie > Open ไปไดรฟที่เก็บรูปไว้ จากนั้นก็คลิกที่รูปที่ต้องการ แล้วคลิก Open
2. ไปที่ Image > Adjustments > Brightness/contrast
3. จะมีหน้าต่างปรับความแตกต่างระหว่างความสว่างและความมืด (Brightness/Contrast) แสดงขึ้นมา หากต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงขณะปรับรูป ให้ติ๊กที่ช่อง preview
4. จากนั้น ไปที่ Contrast คลิกเม้าส์ที่ไอคอนข้างแล้วเลื่อนเม้าส์ไปด้านขวา (+) เมื่อได้ดั่งใจแล้วก็คลิก OK
5. มาดูผลงานกัน …เข้มขึ้นแล้วใช่ม้า…
จากนั้นก็ทดลองปรับความสว่างด้วย Curves ก่อน แล้วปรับสีให้เข้มขึ้นด้วย Contrast ผลก็ออกมาเป็นอย่างนี้
เราเลือกใช้ Contrast เพราะเป็นการปรับสีให้มีความแตกต่างกันมากขึ้น (ส่วน Brightness เป็นการทำให้ภาพสว่างขึ้นเช่นกันค่ะ)
เพื่อน อาจสงสัยว่า แล้วทำไมไม่แนะนำให้ใช้ทั้ง Brightness แทน Curves เหตุผลก็เพราะ เวลาใช้ Brightness นั้น จะทำให้ภาพสว่างงง…จ้าขึ้นอย่างแรงง อารมณ์ที่เห็นออกจะขาวโพลนเกินไป ก็เลยแนะนำให้ใช้ Curves ที่ปรับรูปได้สว่าง…ไม่เว่อร์เกินไปนั่นเอง
Photoshop.kapook.com
อยากให้รูปสว่างกว่านี้
กุมภาพันธ์ 26, 2009 - 3:37 pmNo Comments
ส่วนมากเวลาเราถ่ายรูปด้วยกล้องดิจิตอลมามักจะมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ประมาณว่าถ่ายแล้วไม่ได้ดั่งใจ ดูในกล้องก็สีสด สวย คมชัดดี แต่ทำไม๊ ทำไม พอเอามาลงเครื่อง รูปที่ว่าสวยแล้ว สีกลับซีด เบลอ บางทีก็มืดหรือสว่างเกินไปซะงั้น วันนี้เราก็มีวิธีการตกแต่งรูปง๊ายยง่ายมาฝากกันค่ะ (พวกมือโปรก็อย่ามาว่าเรานะ…เพราะนี้น่ะ แบบเบสิคจริงๆ)
อยากให้รูปสว่างกว่านี้…
มืดตึ้ดตื๋อแบบนี้ จะเห็นความสวยของเราได้ยังไง วิธีปรับรูปให้เราดูสว่าง กระจ่างใส นั้นไม่ยากค่ะ
1. เปิดรูปที่ต้องการปรับความสว่างขึ้นมา โดยเลือกที่ Flie > Open ไปไดรฟที่เก็บรูปไว้ จากนั้นก็คลิกที่รูปที่ต้องการ แล้วคลิก Open
4. เลื่อนเมาส์ให้อยู่ตรงกึ่งกลางเส้น จากนั้นคลิกเม้าส์ข้างแล้วเลื่อนเม้าส์ไปด้านสว่าง (ที่เป็นแถบด้านสีขาวอ่ะ) เมื่อได้ดั่งใจแล้วก็คลิก OK
ง๊ายง่ายเนอะ..อิอิ
Photoshop.kapook.com
อยากให้รูปสว่างกว่านี้…
มืดตึ้ดตื๋อแบบนี้ จะเห็นความสวยของเราได้ยังไง วิธีปรับรูปให้เราดูสว่าง กระจ่างใส นั้นไม่ยากค่ะ
1. เปิดรูปที่ต้องการปรับความสว่างขึ้นมา โดยเลือกที่ Flie > Open ไปไดรฟที่เก็บรูปไว้ จากนั้นก็คลิกที่รูปที่ต้องการ แล้วคลิก Open
2. เลือกที่เมนู Image > Adjustments > Curves… (หรือกด Ctrl+M หนึ่งครั้ง)
3. จะมีหน้าต่างปรับความสว่างแสดงขึ้นมา หากต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงขณะปรับรูป ให้ติ๊กที่ช่อง preview
4. เลื่อนเมาส์ให้อยู่ตรงกึ่งกลางเส้น จากนั้นคลิกเม้าส์ข้างแล้วเลื่อนเม้าส์ไปด้านสว่าง (ที่เป็นแถบด้านสีขาวอ่ะ) เมื่อได้ดั่งใจแล้วก็คลิก OK
5. มาดูผลงานกัน …สว่างขึ้นแล้วใช่ม้า…
ง๊ายง่ายเนอะ..อิอิ
Photoshop.kapook.com
แนะนำเมนูต่างๆ บนหน้าต่าง Photoshop
กุมภาพันธ์ 17, 2009 - 3:06 pm22 Comments
1 แถบเมนู (Menu bar) แสดงคำสั่งต่างๆ ที่ใช้ในการทำงาน
2 แถบคุณสมบัติ (Option bar) แสดงรายละเอียดของเครื่องมือ (Tool) ที่เลือกใช้งานอยู่ในปัจจุบัน
3 กล่องเครื่องมือ (Toolbox) ตำแหน่งที่แสดงเครื่องมือต่างๆ
4 ชุดพาเลท (Palettes) หน้าต่างพิเศษที่ช่วยในการทำงาน สามารถเพิ่มหรือลดได้ตามความต้องการ (เลือกได้จากเมนู Window จากนั้นเลือก show หรือ hide)
5 พื้นที่การทำงานหรือกระดาษวาดภาพ (Canvas) หน้าต่างงานของเราที่กำลังใช้งานอยู่
Photoshop.kapook.com
มารู้จักโปรแกรม Photoshop กันเถอะ
กุมภาพันธ์ 11, 2009 - 7:42 pm10 Comments
สวัสดีจ้า… เพื่อนๆ หลายคนคงเคยได้ยินโปรแกรม Photoshop กันนะจ้ะ วันนี้เราจะมาแนะนำให้กระจ่างกันว่า ไอ้เจ้าโปรแกรมนี้ จริงๆ แล้วคือโปรแกรมเกี่ยวกับอะไร มีประโยชน์อย่างไรบ้างนะคะ
โปรแกรม Photoshop หรือที่มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า Adobe Photoshop ผลิตโดยค่าย Adobe เจ้าของซอฟต์แวร์เริ่ดๆ อีกหลายตัว อาทิ Adobe Flash, Illustrator, Dreamweaver, Premiere และ InDesign โดยในขณะนี้ Adobe ก็ได้สร้าง Photoshop มาจนถึงเวอร์ชั่น CS4 แล้ว (ก่อนหน้านี้ก็มีมานับไม่ถ้วน) โดยมีไฟลนามสกุลเป็น .psd
ที่นี้ เรามาทำความเข้าใจกับการทำงานด้านกราฟฟิคกันสักเล็กน้อยกันก่อนดีกว่า
ภาพกราฟฟิคแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ แบบเวคเตอร์ (Vector) และบิทแม็พ (Bitmap) โดยทั้ง 2 ประเภทนี้จะต่างกันตรงที่ ภาพแบบเวคเตอร์นั้นจะใช้เส้นในการสร้างภาพ การย่อหรือขยายจะไม่ทำให้คุณภาพของภาพเปลี่ยนแปลงไป พบในงานการ์ตูน และแอนิเมชั่น บ่อยครั้งที่เราจะเห็นมาในรูปของไฟลนามสกุล .ai (Illustrator) ค่ะ
ส่วนภาพแบบบิทแม็พนั้น จะเป็นการนำจุดที่เราเรียกว่า พิกเซล (Pixel) มาต่อกันเป็นรูปเป็นร่าง หากจำนวนพิกเซลยิ่งมาก ภาพนั้นๆ ก็จะยิ่งชัดเจน มีคุณภาพมากขึ้น แต่ภาพแบบนี้ก็มีข้อด้อยตรงที่ หากมีการลด-เพิ่มขนาด คุณภาพของภาพนั้นก็จะลดลง ตัวอย่างก็คือภาพที่เราเซฟจากอินเทอร์เน็ต รวมทั้งภาพที่ได้จากกล้องดิจิตอล
โดยที่มาของภาพที่เราคุ้นเคยกันดีก็มาจากการดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ การสแกนภาพ ภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอล รวมทั้งภาพที่ตัดมาจากไฟลวิดีโอค่ะ ซึ่งเจ้าโปรแกรม Photoshop นี้ก็เป็นโปรแกรมที่เราคุ้นเคยที่สุดในการสร้างสรรงานกราฟฟิค ตกแต่งและดัดแปลงภาพหรือรูปถ่ายให้สวยงามตามที่ใจเราต้องการได้ค่ะ
โปรแกรม Photoshop หรือที่มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า Adobe Photoshop ผลิตโดยค่าย Adobe เจ้าของซอฟต์แวร์เริ่ดๆ อีกหลายตัว อาทิ Adobe Flash, Illustrator, Dreamweaver, Premiere และ InDesign โดยในขณะนี้ Adobe ก็ได้สร้าง Photoshop มาจนถึงเวอร์ชั่น CS4 แล้ว (ก่อนหน้านี้ก็มีมานับไม่ถ้วน) โดยมีไฟลนามสกุลเป็น .psd
Adobe Photoshop เป็นโปรแกรมที่ใช้ในงานกราฟฟิคทั้งการสร้างภาพกราฟฟิคและการตกแต่งรูปค่ะ ซึ่งเพื่อนๆ สามารถทดลองใช้งานโปรแกรม Photoshop ได้โดยการดาวน์โหลดรุ่นที่เป็น Shareware มาทดลองใช้ 30 วันที่ http://www.adobe.com นะคะ
ที่นี้ เรามาทำความเข้าใจกับการทำงานด้านกราฟฟิคกันสักเล็กน้อยกันก่อนดีกว่า
ภาพกราฟฟิคแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ แบบเวคเตอร์ (Vector) และบิทแม็พ (Bitmap) โดยทั้ง 2 ประเภทนี้จะต่างกันตรงที่ ภาพแบบเวคเตอร์นั้นจะใช้เส้นในการสร้างภาพ การย่อหรือขยายจะไม่ทำให้คุณภาพของภาพเปลี่ยนแปลงไป พบในงานการ์ตูน และแอนิเมชั่น บ่อยครั้งที่เราจะเห็นมาในรูปของไฟลนามสกุล .ai (Illustrator) ค่ะ
ส่วนภาพแบบบิทแม็พนั้น จะเป็นการนำจุดที่เราเรียกว่า พิกเซล (Pixel) มาต่อกันเป็นรูปเป็นร่าง หากจำนวนพิกเซลยิ่งมาก ภาพนั้นๆ ก็จะยิ่งชัดเจน มีคุณภาพมากขึ้น แต่ภาพแบบนี้ก็มีข้อด้อยตรงที่ หากมีการลด-เพิ่มขนาด คุณภาพของภาพนั้นก็จะลดลง ตัวอย่างก็คือภาพที่เราเซฟจากอินเทอร์เน็ต รวมทั้งภาพที่ได้จากกล้องดิจิตอล
โดยที่มาของภาพที่เราคุ้นเคยกันดีก็มาจากการดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ การสแกนภาพ ภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอล รวมทั้งภาพที่ตัดมาจากไฟลวิดีโอค่ะ ซึ่งเจ้าโปรแกรม Photoshop นี้ก็เป็นโปรแกรมที่เราคุ้นเคยที่สุดในการสร้างสรรงานกราฟฟิค ตกแต่งและดัดแปลงภาพหรือรูปถ่ายให้สวยงามตามที่ใจเราต้องการได้ค่ะ
Windows 8
"Windows 8" มาแน่ปีหน้า: "ซีอีโอไมโครซอฟท์ประกาศในงานประชุมนักพัฒนาที่ประเทศญี่ปุ่น ว่าระบบปฏิบัติการวินโดวส์เวอร์ชันหน้า 'Windows 8' สำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปและแท็บเล็ตจะแจ้งเกิดแน่นอนในปี 2012 โดยการันตีว่าการอัปเดตระบบปฏิบัติการสำหรับโทรศัพท์มือถือ 'Windows Phone 7' ที่กำลังจะถูกเปิดตัวในชื่อ "Mango" นั้นอุดมไปด้วยความสามารถใหม่มากกว่า 500 จุด"
สตีฟ บอลเมอร์ ซีอีโอไมโครซอฟท์กล่าวถึงความคืบหน้าในการพัฒนาระบบปฏิบัติการเวอร์ชันถัดไปของบริษัทไว้บนเวทีงาน Microsoft Developer Forum ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าไมโครซอฟท์กำลังเร่งมือพัฒนา Windows 8 เพื่อทันเปิดตัวในปีหน้าหรือ 2012
"จากการพัฒนาของเราตลอดปีนี้ ผู้ใช้ทุกคนจะได้เห็นทั้งซอฟต์แวร์ Windows 8 แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์พีซี และอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตพกพาขนาดเล็กอีกหลายรูปแบบ"
วินโดวส์เวอร์ชันหน้าของไมโครซอฟท์หรือที่มีชื่อเรียกว่า Windows 8 นั้นถูกร่ำลือบนโลกออนไลน์มาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา หลายข่าวลือระบุว่า Windows 8 จะมาพร้อมร้านแอปสโตร์นาม Windows App Store ซึ่งผู้ใช้สามารถดึงไลเซนส์ของซอฟต์แวร์ไปใช้งานบนคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้ รวมถึงการดึงการตั้งค่าต่างๆเช่น พื้นหลัง ธีม ภาษา เครือข่าย ไปใช้กับ Windows 8 เครื่องอื่นได้ โดยจะเพิ่มความสามารถการรองรับภาพวิดีโอและการแสดงผลภาพ 3 มิติ แถมยังสนับสนุนการเชื่อมต่อเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วย
ที่น่าสนใจคือข่าวลือที่ระบุว่า ไมโครซอฟท์อาจเปิดตัว Windows 8 เวอร์ชันสำหรับแท็บเล็ตที่ใช้ชิป ARM ก่อน แล้วจึงเปิดตัวเวอร์ชันสำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ อย่างไรก็ตาม งานนี้ซีอีโอไมโครซอฟท์ไม่ให้รายละเอียดว่าข่าวลือใดเป็นจริงหรือเท็จ โดยกล่าวถึงแต่เทคโนโลยีที่ไมโครซอฟท์กำลังให้ความสนใจในขณะนี้
บอลเมอร์ระบุว่า หนึ่งในหลายเทคโนโลยีที่ไมโครซอฟท์กำลังเร่งศึกษาในขณะนี้คือ natural user interface หรือการทำให้ผู้ใช้สามารถพูด แสดงท่าทาง หรือสัมผัสบนอุปกรณ์โดยตรง โดยต้องการให้อุปกรณ์สามารถวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของผู้ใช้ให้ดีกว่าที่อุปกรณ์เกม Kinect สามารถเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมในทุกวันนี้ ซึ่งขณะนี้ไมโครซอฟท์กำลังอยู่ระหว่างการใช้ชุดคำสั่งมาตรฐาน HTML และ JavaScript ในการพัฒนาเสิร์ชเอนจิ้นและส่วนติดต่อผู้ใช้ (user interface) ให้สามารถตอบสนองพฤติกรรมของผู้ใช้ได้
ยังมีเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติงที่ไมโครซอฟท์จะให้ความสนใจต่อเนื่องนับจากนี้ จุดนี้บอลเมอร์ยกบริการโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตซึ่งไมโครซอฟท์เพิ่งซื้อมาในราคา 8.5 พันล้านเหรียญสหรัฐอย่าง "สไกป์ (Skype)" มาพูดถึงในฐานะหนึ่งในสิ่งที่แสดงว่าไมโครซอฟท์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีคลาวด์อย่างจริงจัง
คาดว่าข้อมูล Window 8 จะถูกเปิดเผยมากขึ้นในงานประชุม All Things Digital ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นที่แคลิฟอร์เนียวันที่ 31 พฤษภาคมถึง 2 มิถุนายน โดยผู้บริหารไมโครซอฟท์ที่จะแถลงในเวทีนี้คือ Steven Sinofsky ประธานฝ่ายวินโดวส์ซึ่งจะนำข้อมูลวินโดวส์เวอร์ชันใหม่มาเปิดเผยอย่างเป็นทางการ
นอกจาก Windows 8 บอลเมอร์ยังพูดถึง Windows Phone7 ว่าจะมีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่มากกว่า 500 จุดภายใต้ชื่อรหัสโค้ดเนมว่า Mango โดยทั้งหมดจะถูกเปิดเผยในงานแถลงข่าวซึ่งไมโครซอฟท์จะจัดขึ้นที่นิวยอร์กช่วงวันอังคารที่ 24 พฤษภาคมตามเวลาสหรัฐฯ
สำหรับการเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ บอลเมอร์ระบุว่าเป็นการเดินทางที่ทิ้งห่างการเยือนแดนปลาดิบครั้งที่แล้วราว 18 เดือน ซึ่งเป็นการเยือนครั้งที่นานที่สุดในประวัติการทำงาน 30 ปีกับไมโครซอฟท์ โดยย้ำว่าปีนี้เป็นปีที่ไมโครซอฟท์ดำเนินธุรกิจในประเทศญี่ปุ่นครบรอบ 25 ปีพอดี พร้อมกับขอบคุณพันธมิตรทุกรายที่ให้การสนับสนุนไมโครซอฟท์เสมอมา
สตีฟ บอลเมอร์ ซีอีโอไมโครซอฟท์กล่าวถึงความคืบหน้าในการพัฒนาระบบปฏิบัติการเวอร์ชันถัดไปของบริษัทไว้บนเวทีงาน Microsoft Developer Forum ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าไมโครซอฟท์กำลังเร่งมือพัฒนา Windows 8 เพื่อทันเปิดตัวในปีหน้าหรือ 2012
"จากการพัฒนาของเราตลอดปีนี้ ผู้ใช้ทุกคนจะได้เห็นทั้งซอฟต์แวร์ Windows 8 แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์พีซี และอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตพกพาขนาดเล็กอีกหลายรูปแบบ"
วินโดวส์เวอร์ชันหน้าของไมโครซอฟท์หรือที่มีชื่อเรียกว่า Windows 8 นั้นถูกร่ำลือบนโลกออนไลน์มาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา หลายข่าวลือระบุว่า Windows 8 จะมาพร้อมร้านแอปสโตร์นาม Windows App Store ซึ่งผู้ใช้สามารถดึงไลเซนส์ของซอฟต์แวร์ไปใช้งานบนคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้ รวมถึงการดึงการตั้งค่าต่างๆเช่น พื้นหลัง ธีม ภาษา เครือข่าย ไปใช้กับ Windows 8 เครื่องอื่นได้ โดยจะเพิ่มความสามารถการรองรับภาพวิดีโอและการแสดงผลภาพ 3 มิติ แถมยังสนับสนุนการเชื่อมต่อเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วย
ที่น่าสนใจคือข่าวลือที่ระบุว่า ไมโครซอฟท์อาจเปิดตัว Windows 8 เวอร์ชันสำหรับแท็บเล็ตที่ใช้ชิป ARM ก่อน แล้วจึงเปิดตัวเวอร์ชันสำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ อย่างไรก็ตาม งานนี้ซีอีโอไมโครซอฟท์ไม่ให้รายละเอียดว่าข่าวลือใดเป็นจริงหรือเท็จ โดยกล่าวถึงแต่เทคโนโลยีที่ไมโครซอฟท์กำลังให้ความสนใจในขณะนี้
บอลเมอร์ระบุว่า หนึ่งในหลายเทคโนโลยีที่ไมโครซอฟท์กำลังเร่งศึกษาในขณะนี้คือ natural user interface หรือการทำให้ผู้ใช้สามารถพูด แสดงท่าทาง หรือสัมผัสบนอุปกรณ์โดยตรง โดยต้องการให้อุปกรณ์สามารถวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของผู้ใช้ให้ดีกว่าที่อุปกรณ์เกม Kinect สามารถเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมในทุกวันนี้ ซึ่งขณะนี้ไมโครซอฟท์กำลังอยู่ระหว่างการใช้ชุดคำสั่งมาตรฐาน HTML และ JavaScript ในการพัฒนาเสิร์ชเอนจิ้นและส่วนติดต่อผู้ใช้ (user interface) ให้สามารถตอบสนองพฤติกรรมของผู้ใช้ได้
ยังมีเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติงที่ไมโครซอฟท์จะให้ความสนใจต่อเนื่องนับจากนี้ จุดนี้บอลเมอร์ยกบริการโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตซึ่งไมโครซอฟท์เพิ่งซื้อมาในราคา 8.5 พันล้านเหรียญสหรัฐอย่าง "สไกป์ (Skype)" มาพูดถึงในฐานะหนึ่งในสิ่งที่แสดงว่าไมโครซอฟท์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีคลาวด์อย่างจริงจัง
คาดว่าข้อมูล Window 8 จะถูกเปิดเผยมากขึ้นในงานประชุม All Things Digital ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นที่แคลิฟอร์เนียวันที่ 31 พฤษภาคมถึง 2 มิถุนายน โดยผู้บริหารไมโครซอฟท์ที่จะแถลงในเวทีนี้คือ Steven Sinofsky ประธานฝ่ายวินโดวส์ซึ่งจะนำข้อมูลวินโดวส์เวอร์ชันใหม่มาเปิดเผยอย่างเป็นทางการ
นอกจาก Windows 8 บอลเมอร์ยังพูดถึง Windows Phone7 ว่าจะมีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่มากกว่า 500 จุดภายใต้ชื่อรหัสโค้ดเนมว่า Mango โดยทั้งหมดจะถูกเปิดเผยในงานแถลงข่าวซึ่งไมโครซอฟท์จะจัดขึ้นที่นิวยอร์กช่วงวันอังคารที่ 24 พฤษภาคมตามเวลาสหรัฐฯ
สำหรับการเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ บอลเมอร์ระบุว่าเป็นการเดินทางที่ทิ้งห่างการเยือนแดนปลาดิบครั้งที่แล้วราว 18 เดือน ซึ่งเป็นการเยือนครั้งที่นานที่สุดในประวัติการทำงาน 30 ปีกับไมโครซอฟท์ โดยย้ำว่าปีนี้เป็นปีที่ไมโครซอฟท์ดำเนินธุรกิจในประเทศญี่ปุ่นครบรอบ 25 ปีพอดี พร้อมกับขอบคุณพันธมิตรทุกรายที่ให้การสนับสนุนไมโครซอฟท์เสมอมา
ทำเว็บบอร์ดแบบ phpBB ภาษาไทย
1. ให้ DOWNLOAD CODE ของ phpBB ภาษาไทย ด้านล่างนี้ไปก่อนครับ
2. พอคลาย ZIP ออกมา จะพบไฟล์มากมายครับ
3. ทีนี้ให้คุณสร้าง Folder ชื่อ "phpbb" เข้าไปบน SERVER ของเว็บไซต์คุณก่อน (จะเป็นชื่ออื่นก็ได้) แล้วนำไฟล์
ทั้งหมด UPLOAD ไปไว้ใน Folder ที่สร้างใหม่นี้เลย
ทั้งหมด UPLOAD ไปไว้ใน Folder ที่สร้างใหม่นี้เลย
4. ไปที่ Control Panel ของเว็บไซต์ของคุณ สร้างฐานข้อมูลชื่อ phpbb (จะเป็นชื่ออื่นก็ได้ ของผมใช้ namkiat_phpbb นะ)
5. ใช้โปรแกรม FTP ของคุณทำการ เปลี่ยนโหมดไฟล์ - Folder (CHMOD) ของไฟล์ดังต่อไปนี้ (สำหรับ Unix/Linux) ครับ สำคัญมากครับ
ไฟล์ - Folder ที่ต้องเปลี่ยน | CHMOD เป็น |
config.php | 666 |
นอกเหนือจากนี้ | ปล่อยไว้ไม่ต้องเปลี่ยน |
6. ให้ใช้ BROWSE เปิดไฟล์ชื่อ index.php เพื่อทำการติดตั้งเว็บบอร์ด จะพบหน้าต้อนรับดังภาพด้านล่าง
(ใส่ URL ของไฟล์นี้ลงใน ADDRESS BAR ตัวอย่างเช่น http://www.sitename.com/phpbb/index.php )
(ใส่ URL ของไฟล์นี้ลงใน ADDRESS BAR ตัวอย่างเช่น http://www.sitename.com/phpbb/index.php )
หัวข้อ | ความหมาย |
Default board language | เลือกเป็น Thai ก่อน แล้ววิธีการติดตั้งจะเป็นไทยทั้งหมด |
ชนิดฐานข้อมูล | รูปแบบของฐานข้อมูล ให้ถาม Host คุณ (มักเป็น MySQL 4.x) |
กรุณาเลือกวิธีการติดตั้ง | เลือกเป็น Install |
Database Server Hostname / DSN | ชื่อโฮสต์ที่เก็บฐานข้อมูล ปกติใส่เป็น localhost |
ชื่อฐานข้อมูลของคุณ | ชื่อฐานข้อมูล (ที่สร้างในข้อ 4) |
Database Username | ชื่อผู้ดูแลฐานข้อมูล |
Database Password | รหัสผ่านฐานข้อมูล |
ขึ้นต้นชื่อตารางในฐานข้อมูลด้วยคำว่า | ชื่อฐานข้อมูล (ที่สร้างในข้อ 4) แต่ต้องต่อท้ายด้วย _ |
Email ของ Admin | อีเมล์ของคุณ |
Domain Name | ไม่ต้องแก้ ปล่อยไว้ |
Server Port | ไม่ต้องแก้ ปล่อยไว้ |
ตำแหน่งโปรแกรม | ไม่ต้องแก้ ปล่อยไว้ |
Administrator Username | ใส่ Username ของคุณที่ไว้บริหาร Board |
Administrator Password | ใส่ Password ของคุณที่ไว้บริหาร Board |
Administrator Password [ ยืนยัน ] | ใส่ Password ของคุณที่ไว้บริหาร Board อีกที |
ทีนี้มาดูตรงช่อง ขึ้นต้นชื่อตารางในฐานข้อมูลด้วยคำว่า หน่อยครับ ว่ากรอกยังไง ? คือในช่องนี้อ่ะ ก็คือชื่อฐานข้อมูลหละครับ
แต่ว่าลงท้ายด้วย _ เท่านั้นเอง
แต่ว่าลงท้ายด้วย _ เท่านั้นเอง
7. เสร็จแล้วให้กดปุ่ม Start Install ครับ ถ้าไม่มีปัญหาจะพบหน้าแจ้งการติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ ให้กดปุ่ม "การติดตั้งเสร็จแล้ว" ครับ
8. ทีนี้ถ้าเกิดว่ามีปัญหาในการติดตั้งก็ลองแก้ไขขั้นต้นก่อนโดยก่อนลบฐานข้อมูลที่สร้างในข้อ 4 ทิ้งซะ แล้วสร้างขึ้นใหม่ให้เหมือนเดิม แล้วลองติดตั้งอีกที
9. จะมีหน้าขึ้นมาแจ้งให้เราลบ Folder ชื่อ "install" กับ "contrib" ครับ
10. ก็ให้ไปลบซะไม่งั้นไปต่อไม่ได้ครับ พอลบเสร็จให้กด Refresh หน้าในข้อ 9 ใหม่อีกทีครับ
11. ก็จะมีหน้าให้ LOGIN เข้าสู่หน้าตั้งค่า Board เลยครับ เป็นภาษาไทยทั้งหมดครับ หลังจาก LOGIN แล้วก็จะมาถึงหน้าตั้งค่า Board ครับ
12. ก็เป็นอันสิ้นสุดการติดตั้งครับ สามารถเปิดใช้งาน Board ได้เลยครับ
13. หากว่าคุณต้องการเข้าไปตั้งค่า Board อีกก็ให้คุณ Login เข้าไปด้วย Username และ Password ที่ตั้งไว้ในข้อ 6 ครับ แล้วเลื่อนหน้ามาข้างล่างสุด
จะเจอ TEXTLINK คำว่า "ไป Administration Panel" ครับ ก็ให้คลิ๊กเข้าไปตั้งค่า Board ครับ
จะเจอ TEXTLINK คำว่า "ไป Administration Panel" ครับ ก็ให้คลิ๊กเข้าไปตั้งค่า Board ครับ
ข้อแตกต่างระหว่าง windows xp mode (xpm) ใน windows 7 กับ med-v
ข้อแตกต่างระหว่าง Windows XP Mode (XPM) ใน Windows 7 กับ MED-V
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog
วัตถุประสงค์ในการพัฒนาทั้ง Windows XP Mode (XPM) และ MED-V ของไมโครซอฟท์
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog
วัตถุประสงค์ในการพัฒนาทั้ง Windows XP Mode (XPM) และ MED-V ของไมโครซอฟท์
ก็เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่เข้ากันของโปรแกรมกับระบบปฏิบัติการตัวใหม่ หรือที่ศัพท์เทคนิค
เรียกว่าการไม่คอมแพตติเบิล (Incompatible) อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 อย่างนี้ มีข้อแตกต่างกัน
หลายอย่าง ดังนั้นเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ผมจึงรวบรวมข้อมูลนำเสนอในบทความนี้ครับ
Windows XP Mode
Windows XP Mode นั้นถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการใช้งานในองค์กรธุรกิจขนาดเล็ก เพื่อช่วยให้สามารถทำการรันแอพพลิเคชันรุ่นเก่าที่ทำงานได้เฉพาะบน Windows XP บนสภาพแวดล้ิอมเดสก์ท็อปของ Windows 7 ได้ โดยมีคุณลักษณะดังนี้
• Windows XP Mode มีให้ใช้งานเฉพาะผู้ที่ใช้ Windows 7 เวอร์ชัน Professional, Ultimate และ Enterprise เท่านั้น โดยผู้ใช้ไม่ต้องเสียค่าไลเซนส์หรือค่าซอฟท์แวร์เพิ่มเติมแต่อย่างใด
• Windows XP Mode เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง Windows Virtual PC และ เวอร์ชวลแมชชีนของ Windows XP ที่ไมโครซอฟท์คอนฟิกไว้ล่วงหน้า สำหรับการรับแอพพลิเคชันรุ่นเก่า
• Windows Virtual PC ช่วยให้ผู้ใช้เรียกใช้งานแอปพลิเคชันเก่าจาก Start menu ของ Windows 7 ในลักษณะเดียวกันกับการเปิดใช้โปรแกรมอื่นๆ ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างในการใช้งานระหว่างแอปพลิเคชันเก่าที่รันอยู่บน Windows XP Mode กับแอพพลิเคชันที่รันบน Windows 7
• Windows Virtual PC สามารถรองรับอุปกรณ์ USB และการทำงานแบบ Multi-threading
Microsoft Enterprise Desktop Virtualization (MED-V)
MED-V นั้นถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ โดยมีคุณลักษณะดังนี้
• MED-V ใช้ในการปรับใช้ Virtual PC ในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่
• MED-V รองรับการจัดการแบบ centralized management, policy-based provisioning และ virtual image delivery เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการปรับใช้ Virtual PC
• MED-V v1 สร้างขึ้นบนพื้นฐาน Microsoft Virtual PC 2007 เพื่อช่วยองค์กรในการอัพเกรดระบบวินโดวส์เป็น Windows Vista เมื่อประสบกับปัญหาแอพพลอเคชันไม่คอมแพตติเบิล
• MED-V v2 จะเพิ่มการสนับสนุนสำหรับ Windows 7 (ทั้ง 32 bit และ 64bit) และ Windows Virtual PC
• MED-V v2 beta จะมีให้ใช้งานได้ภายใน 90 วัน ของ Windows 7 GA (General Availability)
• MED-V ทำงานได้ทั้งบน Windows 7 และ Windows Vista
• MED-V เป็นองค์ประกอบหนึ่งของชุดโปรแกรม Microsoft Desktop Optimization Pack (MDOP) และมีให้ใช้งานเฉพาะผู้ที่ใช้ที่เป็นลูกค้าแบบ Software Assurance เท่านั้น
Windows XP Mode นั้นถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการใช้งานในองค์กรธุรกิจขนาดเล็ก เพื่อช่วยให้สามารถทำการรันแอพพลิเคชันรุ่นเก่าที่ทำงานได้เฉพาะบน Windows XP บนสภาพแวดล้ิอมเดสก์ท็อปของ Windows 7 ได้ โดยมีคุณลักษณะดังนี้
• Windows XP Mode มีให้ใช้งานเฉพาะผู้ที่ใช้ Windows 7 เวอร์ชัน Professional, Ultimate และ Enterprise เท่านั้น โดยผู้ใช้ไม่ต้องเสียค่าไลเซนส์หรือค่าซอฟท์แวร์เพิ่มเติมแต่อย่างใด
• Windows XP Mode เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง Windows Virtual PC และ เวอร์ชวลแมชชีนของ Windows XP ที่ไมโครซอฟท์คอนฟิกไว้ล่วงหน้า สำหรับการรับแอพพลิเคชันรุ่นเก่า
• Windows Virtual PC ช่วยให้ผู้ใช้เรียกใช้งานแอปพลิเคชันเก่าจาก Start menu ของ Windows 7 ในลักษณะเดียวกันกับการเปิดใช้โปรแกรมอื่นๆ ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างในการใช้งานระหว่างแอปพลิเคชันเก่าที่รันอยู่บน Windows XP Mode กับแอพพลิเคชันที่รันบน Windows 7
• Windows Virtual PC สามารถรองรับอุปกรณ์ USB และการทำงานแบบ Multi-threading
Microsoft Enterprise Desktop Virtualization (MED-V)
MED-V นั้นถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ โดยมีคุณลักษณะดังนี้
• MED-V ใช้ในการปรับใช้ Virtual PC ในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่
• MED-V รองรับการจัดการแบบ centralized management, policy-based provisioning และ virtual image delivery เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการปรับใช้ Virtual PC
• MED-V v1 สร้างขึ้นบนพื้นฐาน Microsoft Virtual PC 2007 เพื่อช่วยองค์กรในการอัพเกรดระบบวินโดวส์เป็น Windows Vista เมื่อประสบกับปัญหาแอพพลอเคชันไม่คอมแพตติเบิล
• MED-V v2 จะเพิ่มการสนับสนุนสำหรับ Windows 7 (ทั้ง 32 bit และ 64bit) และ Windows Virtual PC
• MED-V v2 beta จะมีให้ใช้งานได้ภายใน 90 วัน ของ Windows 7 GA (General Availability)
• MED-V ทำงานได้ทั้งบน Windows 7 และ Windows Vista
• MED-V เป็นองค์ประกอบหนึ่งของชุดโปรแกรม Microsoft Desktop Optimization Pack (MDOP) และมีให้ใช้งานเฉพาะผู้ที่ใช้ที่เป็นลูกค้าแบบ Software Assurance เท่านั้น
Windows XP
วิธีกู้ Windows XP แบบไม่ต้องลงใหม่
ขั้นตอนการดาวน์โหลด Microsoft Office 2010
อันดับแรกเข้าไปที่เว็บไซต์ http://officebeta.microsoft.com/en-us/ ท่านก็จะพบหน้าเว็บดังภาพด้านบน ให้ท่านกดที่คำว่า Download office 2010 beta ดังกรอบสีแดงที่ผมล้อมเอาไว้
ขั้นตอนที่ 2 ท่านจะพบวิดีโอและข้อมูลทางเทคนิคของ Microsoft Office 2010 Beta คร่าวๆ..ซึ่งถ้าไม่สนใจดูก็กดที่ปุ่ม Get it Now ดังกรอบสีแดงที่ผมล้อมไว้
ขั้นตอนที่ 3 ยังเป็นการอธิบายถึงรายละเอียดของ Microsoft Office 2010 Beta เช่น เดิมเราก็ข้ามไปครับด้วยการกดที่ปุ่ม Get it Now เช่นเดิม ดังกรอบสีแดงที่ล้อมไว้
จากนั้นมันจะเด้งมาที่การ Login ที่คล้ายๆ Login ของอีเมล์ Hotmail.com หรือ MSN นะครับ เราก็กรอกตามปกติตามที่เรามีแอคเคาร์ของ MSN ที่ใช้อยู่…ถ้าไม่มีก็สมัครสมาชิกของ Hotmail.com ก่อนนะครับ
ทั้งนี้บางท่านที่ไม่เคยดาวน์โหลดผลิตภัณฑ์ของ Microsoft เลยตัวระบบจะถามข้อมูลส่วนตัวท่านเล็กน้อย หลังจากกดที่ปุ่ม Sing in แล้ว…หากเป็นเช่นนั้นท่านก็กรอกข้อมูลตามที่มีฟอร์มให้กรอก เช่น ชื่อ นามสกุล ที่ทำงาน ลักษณะงานของท่าน จำนวนคนที่ทำงานในบริษัทของท่าน และติ๊กเครื่องหมายถูกที่การรับเมล์จาก Microsoft (ใส่ปลอมๆ ไปก็ได้ระบบไม่คิดอะไรมาก) จากนั้นก็กดปุ่มส่งข้อมูล เพียงเท่านี้มันก็จะเด้งมาที่หน้าใหม่ ดังภาพ ด้านล่างนี้
เราก็จะได้ CD-KEY ของ Microsoft Office 2010 Beta เพื่อเอาไว้ใช้ แอตติเวท นะครับ ส่วนขั้นตอนการแอตติเวท ก็อ่านได้จากหน้าเว็บดังกล่าวเขาเขียนไว้อย่างละเอียดแล้วครับ
จากนั้นให้ท่านเลื่อนหน้าจอลงมาด้านล่างจะพบฟอร์มให้ท่านเลือกว่าจะดาวน์โหลด Microsoft Office 2010 Beta แบบ 32 บิต หรือ 64 บิต ไปใช้งาน อันนี้ก็ขึ้นกับท่านละครับว่าใช้ Microsoft Windows แบบ 32 บิต หรือ 64 บิต อยู่ สำหรับผมใช้ Windows 7 แบบ 64 บิต อยู่ก็โหลด Microsoft Office 2010 Beta แบบ 64 บิต ไปใช้งานด้วยการกดที่ช่องเลือกภาษา (ในที่นี้คือ English) แล้วก็กดที่ปุ่ม Download Now
หากท่านติดตั้งโปรแกรม FlashGet หรือโปรแกรมช่วยดาวน์โหลดอื่นๆ อยู่มันก็จะรีบเสนอหน้ามาให้ท่านดาวน์โหลดแบบนี้ครับ
ขนาดของไฟล์ประมาณ 750 MB นอนรอจนกว่ามันจะดาวน์โหลดเสร็จ
ตัวอย่างหน้าจอของโปรแกรมครับ…ตอนนี้ยังดาวน์โหลดไม่เสร็จ อิอิ ไว้เสร็จแล้วจะพรีวิวให้ชมครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)